วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

3วันในพม่า

3วันในพม่า เที่ยวแบบกึ่งสำเร็จรูป (3 Day in Myanmer.)

เริ่มต้นจากความเชื่อว่า เมื่อคนเราเกิดตามปีนักษัตรแล้ว สักครั้งในชีวิตก็ควรไปสักการะ พระธาตุประจำปีเกิดซักครั้งนึง เมื่อเริ่มต้นหาข้อมูลแล้ว อ้าว..แย่แล้ว...เพราะพระธาตุประจำปีเกิดผมดันเป็นเจดีย์ชเวดากองในประเทศพม่าซะนี่........

เวลาผ่านไปเมื่อมีข่าวการเปิดประเทศพม่าซักสองสามปีที่ผ่านมา ความรู้สึกก็เริ่มที่จะหาข้อมูลเพื่อเดินทางไปไหว้เจดีย์ชเวดากองให้ได้ แต่ไหน ๆ ก็จ่ายค่าเครื่องบินไปทั้งที่ ก็ไปหลาย ๆ ที่หน่อย จะได้คุ้มกับการเดินทาง ผมมีเวลาแค่ 3วัน 2 คืน เท่านั้น กับการเดินทางไปพม่า จึงหาข้อมูลความเป็นไปได้ที่จะเที่ยวหลาย ๆ ที่เท่าที่เวลาจะอำนวย และด้วยงบประมาณที่จำกัด การเดินทางจึงไม่ได้ผ่านบริษัททัวร์ ที่แรกก็หาข้อมูลแบบ backpack เลย กะว่าจะไปเองทุกที่ แต่ดูเวลาแล้วคงไปได้ไม่กี่ที่ เพราะต้องเสียวเลากับรถประจำทาง และรถสาธารณะต่าง ๆ คำนวณคร่าว ๆ แล้วอาจใช้ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าจ้างเหมารถนิดหน่อย สุดท้ายจึงลงตัวที่เดินทางสายกลาง ไปเอง เที่ยวเอง แต่เหมารถตู้ ซึ่งจะยุ่งยากกว่าไปกับบริษัททัวร์ แต่ก็จะง่ายและสะบายกว่านั่งรถประจำทางไปเอง งบประมาณก็อยู่ตรงกลาง ถูกกว่าไปทัวร์ ส่วนตัวไม่วุ่นวาย แต่ไม่ลำบาก ได้ใช้ภาษาอังกฤษบ้าง

สำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลเบื้องต้นในการไปพม่าครั้งนี้ก็ข้ามไปดูภาคผนวกตอนท้ายเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลา (For trip informations please go to the addenda below.)

สำหรับทริปนี้ คงเน้นไปที่การเที่ยววัด ไหว้พระ ทำบุญ ดังนั้น แต่ละที่ ที่ไป ก็จะมีแต่ วัดกะเจดีย์ซะเป็นส่วนใหญ่ เรียกได้ว่า ไหว้พระ 9 วัดในพม่ากันเลยทีเดียว
This trips is the trip of the buddhist way so many went to temples and pagodas.

วันแรก 1st day.

ลงเครื่องบิน ก็ต้องทำตามขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองต่าง ๆ ทั่ว ๆ ไป

บรรยากาศที่ ตม.ครับ



อย่างแรกที่ต้องทำ หลังผ่าน ตม.มาแล้วคือ แลกเงินจั๊ต ไว้ซักเล็กน้อย ไม่ต้องมากนะครับ เพราะค่าโรงแรง ค่ารถ เราต้องจ่ายเป็นดอลล่า แลกติดกระเป๋าไว้จ่ายค่าอาหาร และซื้อโน่นนี่จิปาถะนิด ๆ หน่อย ๆ พอ
The first thing that shout be is buy the kyat a little to pay for food, odds and ends. The hotel and the van spent a dollar.



เงินจั๊ดพม่าครับ ผมแลกไว้ 100 usd ได้แบงค์พันมาเกือบ100 ใบกันเลยที่เดียว รวย ๆ ๆ ^^ วันที่แลกได้rate 1 usd = 942 kyat.


จากนั้นก็ออกไปขึ้นรถตู้ลูงโทนกันเลย วันนี้เราต้องทำเวลา เพื่อให้ไปขึ้นรถขนหมู ที่จะขึ้นยอดพระธาตุอินทร์แขวนกัน



ตื่นตาตื่นใจกับอะไรที่ไม่คุ้นตา ทั้งบรรยากาศ ป้ายโฆษณา ตัวอักษรต่าง ๆ



ที่นี่เค้าขับรถเลนขวากันนะครับ สังเกตุรูปดี ๆ รถเป็นพวงมาลัยขวา ...เจ้ย...พวงมาลัยขวา..แต่ขับขวา ทีแรกนึกว่าเป็นรถลุงคันเดียว พอมองออกไปนอกหน้าต่าง รถที่นี่ส่วนใหญ่ พวงมาลัยขวา วิ่งเลนขวากันคร๊าฟฟฟ....เวลาแซงทำไงหว่า ^^!

เกิดความสงสัย เลยถามลุงโทนว่า ทำไมรถที่นี้ใช้พวงมาลัยขวา ทั้งที่วิ่งเลนขวากัน ลุงแกบอกว่า คนที่นี่นิยมรถที่มาจากญี่ปุ่น ซึ่งก็เป็นรถพวงมาลัยขวานี่แหละ แต่แกบอกว่า ตอนนี้ถ้าเป็นรถใหม่ ๆ จะเป็นรถพวงมาลัยซ้ายแล้ว




เนื่องจากต้องเช็คอินที่ดอนเมืองแต่เช้า ตั้งแต่ขึ้นเครื่องยันลงเครืองมายังไม่มีไรตกถึงท้องเลย ออกจากสนามบินได้แป๊บนึงก็เลยบอกลุงโทนไปว่า หิววววว แวะหาไรกินหน่อย แล้วแกก็จอดร้านนี้เลย เป็นเหมือนร้านกาแฟโบราณแบบต่างจังหวัดบ้านเรา มีคนนั่งกินกาแฟกันเพียบ



แม่ค้าก็อาธยาศัยดี ถึงจะพูดกันไม่รู้เรื่อง แต่ก็มาดูแลตลอด



นี่ไง สิ่งที่ขายนอกเหนือจากชากาแฟ อยู่ในตู้นี้ ไม่รู้อะไร..แต่ก็สั่งเลยแล้วกัน ไม่เคยกิน ก็กินซะจะได้เคย



แล้วก็เอามาเสิร์ฟที่โต๊ะ หน้าตามันเหมือนหนมจีนน้ำยาบ้านเรา แต่น้ำราด กะ ท๊อปปิ้งไม่เหมือนกัน กินเข้าไปรสชาดเหมือนเอาเส้นขนมจีนมาราดด้วยโจ๊ก สอบถามได้ความว่า เส้นก็ทำจากข้าวเหมือนขนมจีนบ้านเรานี่แหละ น้ำราดสีเหลีองอ่อนทำมาจากปลา ส่วนท๊อปปิ้งด้านบนจะเป็นผักอะไรซักอย่าง ชุปแป้งทอด อร่อยดี ใจจริงอย่างจะกินแค่เจ้าผักชุดแป้งทอดนี่แหละ แต่หลังจากจบจานแรกไม่แล้ว ก็ต่อไม่ไม่ไหว อาจเพราะรสชาดไม่คุ้นลิ้น แต่ก็กินได้ ถามลุงโทนว่าเจ้านี่มันเรียกว่าอะไร ลุงบอกเป็นภาษาพม่า ซึ่งจับใจความและออกเสียงเป็นไทยได้ว่า "โมกิ้งก่า" จำง่ายเลย ถ้าจะกินเมนูนี้ สั่งกิ้งก่า เฉย ๆ น่าจะได้กิน แต่ก็อดขำไม่ได้ว่า ถ้าเราไปนั่งที่ร้านแล้วสั่ง กิ้งก่าจานนึง จะเป็นไง




ด้วยความเคยชินเวลากินข้าวที่เมืองไทย ผมมักจะสั่งชาเย็นเสมอ ไปพม่าครั้งนี้ก็เช่นกัน มื้อแรก เล่นเอาเงิบเลย สั่ง ice tea ลุงก็ไปคุยกะคนขาย "$%^)(*&^%$#$^^&" แล้วสิ่งที่ได้มา เป็น ชาซองแบบ 3in1 กะน้ำเย็น 1 ขวด ทำเอาผมงง จากนั้นก็เพิ่มจะทราบว่า ที่นี่ไม่มีน้ำแข็ง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เค้าไม่นิยมกิน หรือ ไม่มีใครทำขายกัน ชาเย็นของผมจึงเป็น ชาทรีอินวัน ชงด้วยน้ำน้อย ๆ แล้วก็เติมน้ำเย็นลงไป กลายร่างเป็นชาเย็น แน่นอนว่า ลุงโทนชงให้เสร็จสับ  ผมชอบนะ ทั้งลุงโทน ทั้งเจ้าของร้าน น่ารัก และอยากจะบริการเราเต็มที่ แต่ในใจผมก็แอบขำเล็ก ๆ กับชาเย็นสูตรพิเศษ แต่ก็กินหมดนะคร๊าฟฟฟฟ



ดู เส้นทางการขับรถจากyangon to kyaikto ในแผนที่ขนาดใหญ่กว่า

วันนี้เราจะเดินทางจากย่างกุ้งไปเมืองไกโถกัน Yangon to Kyaikto เส้นทางตามแผนทีเลย
http://goo.gl/maps/h3uKG




สภาพเส้นทางโดยทั่วไป ก็วิ่งได้เรื่อย ๆ แต่ทำความเร็วไม่ได้ เพราะทางไม่เรียบเลย ถึงว่า ระยะทางประมาณ 200 กิโล วิ่งกันประมาณ 4 ชั่วโมง



ที่นี่ถึงถนนจะไม่ค่อยดี แต่ก็มีด่านเก็บตั้งแบบมอร์เตอร์เวย์บ้านเรานะครับ ฮาาาา ระหว่างการเดินทางขาไป เจอแบบนี้ 2ถึง 3 ด่านได้ แน่นอนว่า..ลุงโทนจัดการจ่ายทุกด่าน เราก็นั่งยิ้มอย่างเดียว ^^



มาได้ครึงทางแล้วก็แวะเติมน้ำมัน



เข้าห้องน้ำกันหน่อย

จากนั้นก็เดินทางต่ออีกซักพัก จะถึงถนนช่วงนี่ที่เลียบกับแม่น้ำอะไรซักอย่าง(ผมอ่านไม่ออก) ตามลิ้งไปดูได้เลยครับ http://goo.gl/maps/SxmFI


ดู เส้นทางการขับรถไปยัง ถึง: kyaikto @17.51637977926615,96.71951293945312 ในแผนที่ขนาดใหญ่กว่า

ช่วงนี้ก็จะมีร้านค้าพวก ปลาแห้ง ปลาเค็ม ปลาหมักต่าง ๆ ซึ่งผมคิดเอาเองว่า ก็น่าจะเป็นในแม่น้ำนี้นั่นแหละ 


เอาบรรยากาศเส้นทางช่วงนี้มาฝากครับ


ผ่านร้านปุ๊ป..ลุงโทนก็จอดให้เลย ไม่ต้องบอก แกคงรู้่ว่าเราคงอยากดูว่าเค้าขายอะไรกัน

เยอะแยะไม่หมด ว่าไปแล้วที่แรกก็นึกอย่างซื้อมาลองกินขำ ๆ เหมือนกัน แต่คิดอีกที อย่าดีกว่า มันไม่คุ้น



ดูก็รู้กว่าเป็นปลาเค็มตากแห้ง

นี่ไง วางกันเป็นภูเขาเลย มีทั้งแบบปลาใหม่ แห้งน้อย และ ปลาเก่า แห้งมาก ดูจากสีได้เลย ด้านบนปลาใหม่ ด้านล่างปลาเก่า



อันนี้ที่เด็ด หมักอยู่ในไหพลาสติกเลย ลุงโทน พยายามบอกเราเป็นภาษาไทยว่า...กาาาพิ (กะปิ) แต่พอผมเปิดฝาดูเท่านั้นแหละ....นี่มันนนนน..ปลาร้าาาาาชัด ๆ เป็นต่อน ๆ แล้วมีต้วหนอนด้วย ก็ไม่รู้จะอธิบายลุงโทนยังไงว่า..มันเป็น ปลาร้า ไม่ใช่ กะปิ ใครมีโอกาสได้ใช้บริการแก แล้วภาษาปะกิดแข็งแรง ก็ช่วยบอกแกหน่อยแล้วกัน



อันนี้ไม่รู้ว่าอะไร แต่ห่อไว้เหมือนแหนมเลย ซึ่งก็น่าจะทำจากปลาเช่นกัน
สรุปว่า แวะตรงนี้ ผลิตภัณฑ์จากปลา เรียกได้ว่า ครบทุกแบบ ทั้งตากแห้ง ปลาเค็ม ปลาร้า ปลาแหนม


ออกจากย่างกุ้งประมาณ 8 โมงครึ่ง ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร ถึงเมืองKyaikto ประมาณ เที่ยง โอ้ว คงจะนึกออกนะครับ ว่าทางเป็นไง จริง ๆ แล้ว ทางก็เป็นราดยางหรือไม่ก็คอนกรีตตลอดนะครับ แต่มันไม่ค่อยเรียบ ทำความเร็วไม่ค่อยได้ แต่ถ้ารถใหม่ ๆ หน่อย อาจจะได้มีอีกซัก ชั่วโมง


ถึงเมือง Kyaikto แล้วลุงโทนก็ดูเวลา แกบอกว่า ไปวัดประจำเมืองนี้ก่อนนะ วัดเก่าแก่อายุกว่าร้อยปี แล้วค่อยไปกินข้าว ก็โอเคตามนั้น

แผนที่วัด เผื่อใครจะไป http://goo.gl/maps/2kYxq


ดู Old temple in Kyaikto ในแผนที่ขนาดใหญ่กว่า


ถึงแล้ว จอดรถแล้วก็เดินชมกันเลย


ชื่อวัดอยากจะบอกนะครับ  แต่เกินกำลังสมองของผมที่จะจำจริง ๆ ออกเสียงไม่ถูก เลยถ่ายป้ายมาเลย คงต้องอ่านกันเองนะครับ ว่าวัดชื่ออะไร



เดินเข้าไปชม อ้อ..อย่าลืมถอดรองเท้า ถูกเท้าด้วยนะครับ


เอาภาพมาให้ชมกันครับ

 พระเอกขเนก


 อันนี้พระประธาน กำลังบำรุงรักษาอยู่


 อันนี้ ศิลา อะไรซักอย่าง ใครรู้บอกด้วยยย




เจดีย์แบบพม่า



ชมวัดเสร็จแล้วก็ตัดภาพมาที่ร้านข้าวกันเลย ร้านนี้ ตั้งอยู่ที่ วินรถหกล้อขึ้นประธาตุอินทร์แขวนเลยครับ

 ชื่อร้าน ผมพยายามอ่าน...อ่านเองเลยครับ ว่าชื่อร้านอะไร



บรรยากาศดี น่านั่ง สะอาด


 ได้โต๊ะแล้ว ก็สั่งได้เลย



 อันนี้อ่านในเมนูแล้วประมาณว่า เป็นข้าวอบไก่ ถึงออกมามันไม่ใช่ในแบบที่เราคิด แต่ก็อร่อย


 อันนี้ผัดผักรวม อร่อยเลย



ข้าวผัดก็อร่อย แต่เหมือนว่า ร้านนี้จะใส่ผงกะหรี่นิดหน่อย แต่ก็อร่อยเลยครับ ยังมีอีกหลายเมนูที่ยังไม่ได้ลอง เพราะจะกินไม่หมด ใครไปก็ลองสั่งดูแล้วกัน



ราคาเอาเรื่องเหมือนกันถ้าคิดตามค่าครองชีพที่โน่น แต่ถ้าคิดเป็นเงินไทยแล้วก็ พอ ๆ กันร้านอาหารบ้านเรา อย่างละ 80-120 บาท มือนี้ มีข้าวผัด 2 จาน ข้าวไก่อบ 1 จาน ผัดผักรวม 1 จาน น้ำเปล่า 1 ขวด 10,000 จั๊ดพอดี คิดง่าย ๆ ก็น่าจะ 10 ดอลล่านิด ๆ  หรือราว 3ร้อยบาทต้น ๆ

กินเสร็จเราก็ไปขึ้นรถขนหมูกัน อาจจะงง รถขนหมูอะไร จริงๆ แล้วเป็นสมญานามที่พวกคนไทยรุ่นก่อน ๆ ทีมาที่นี้เค้าเรียกกัน ซื้อจะเป็นรถบรรทุก 6 ล้อ แต่นั่งกันแน่นมาก เลยเปรียบเปรยกันว่าเป็นรถขนหมู ช่างคิดจริง ๆ เลย แต่ว่าไปแล้วก็ใกล้เคียงเลย ^^

เส้นทางจากtruck stations หรือสถานีรถบรรทุก ขึ้นยอดดอย ก็ตามนี้เลย
http://goo.gl/maps/vXQdr



ดู Truck stations to Kyaikhtiyo (Golden Rock) ในแผนที่ขนาดใหญ่กว่า


คดเคี้ยว ทางแคบ และชันพอควร โดนส่วนตัวผมว่าอารมณ์แนว ๆ เขาคิชฌกูฏ ที่เมืองจันทร์บ้านเรานะ ถ่ายคลิปทางขึ้นมาฝาก ไปชมกันเลยครับ


ไม่รู้จะอธิบายยังไง ดูกันเองเลยครับ ว่าทางขึ้นพระธาตุอินแขวนเป็นไง




ถึงแล้ว ก็เดินกันอีกนิดหน่อย หาที่พักกัน ด้านบน..ทีพักแพงมากครับ ราคาประมาณ 70-90 usd รวมอาหารเช้า สำหรับห้องปกติเหมือนห้องรายวันบ้านเราราคาไม่เกิน 500 เลย น่าจะทำให้ดีกว่านี้หน่อย
เราเลือกพักที่ Kyaik Hto Hotel กับราคา walk in ที่ 88usd/คืน


ดู Kyaik Hto Hotel ในแผนที่ขนาดใหญ่กว่า


โรงแรมใกล้กับพระธาตุมาก ๆ เลย เดินประมาณ 5 นาทีก็ถึงพระธาตุ

ทำเลดี อยู่ริมผา แต่มีหมอก ก็เลยไม่เห็นไรเลย รู้สึกพลาดยังไงก็ไม่รู้ กับราคานี้ เอาไปกินของอร่อยน่าจะดีกว่า  การบริการ ถือว่าอยู่ในระดับดีเลยพนักงานทุกคนน่ารักมาก แต่ราคานี้ ถ้างบไม่เยอะ..แนะนำให้นอนด้านล่าง(ให้ลุงโทนแนะนำก็ได้) แล้วก็่ขึ้นมาไหว้พระธาตุตอนเช้า แล้วลงไปเที่ยง ๆ น่าจะดีกว่า..ประหยัดไปได้หลายเลย


 ห้องที่โรงแรม Kyaik Hto Hotel
นี่ห้องน้ำครับ



เก็บของเข้าห้องแล้วก็เดินขึ้นไปไหว้พระธาตุกันครับ


มาเห็นด้วยตา ก็บอกได้เลยว่า สมแล้วกับที่เป็นพระธาตูที่ชาวพม่าเคารพนับถือกันมาก เป็นหินก้อนมหิมาอยู่ตรงชง่อนผา เกี่ยวติดอยู่นิ๊ดเดียว เป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่น่าสนใจทีเดียว




วันที่ 2  (2nd day)
ตื่นเช้ามาพบกันอากาศปิดสุด ๆ หมอกหนามาก หนาขนาดมองไปได้ไม่เกิน 30 เมตร ทำให้ความตั้งใจที่จะไปชมประธาตุอีกครั้งในตอนเช้าล้มเลิกไป เพราะมันมองอะไรไม่เห็นจริง ๆ เมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็เก็บของ กินข้าว แล้วเช็คเอ้ากันเลย


 อาหารเช้าแบบบุพเฟ่

 มีข้าวต้ม กับข้าวง่าย ๆ พวกกุญเชียงทอด ไข่ดาว ชากาแฟ น้ำส้ม


หมี่ผัด ข้าวผัด


ผมชิมทุกอย่าง..อย่างละนิด ๆ หน่อย ๆ

กินข้าวเสร็จก็chackout เดินลงมาที่รถขนหมูกันเลย




ลงจากเขากันแล้วก็กลับย่างกุ้งกัน โดนเส้นทางขากลับ เราจะเลือกเส้นทางที่ผ่านเมือง bago หรือเมืองหงสาวดีนั่นเอง


แน่นอนว่าพลาดไม่ได้กับวังจำลองของพระเจ้าบุเรงนอง หรือผู้ชนะสิบทิศ ก่อนเข้าชมจะต้องจ่ายค่าเข้าชมคนละ 10 usd และสามารถจำตั๋วไปเที่ยวได้ทั้งเมือง bago เลย จ่ายเพิ่มแค่ค่ากล้อง อีกที่ละ 300 จ๊าด ซึ่งคิดเป็นเงินไทยราว ๆ 10 บาท




พระราชวังบุเรงนองหลังดั้งเดิมทำจากไม้ ไม่มีแล้ว ทางการพม่าก็ได้จ้างใหม่จากปูน ซึ่งได้จำลองว้งเดิมขึ้นมา และยังคงรักษา แบบแปลน และ landscape เดิมเอาไว้ มีขนาดเสาเดิม และแปลนเดิมให้ดูด้วย...เรียกได้ว่า ก๊อบจากเดิมเป๊ะ..แต่ของเดิมทำจากไม้..อันนี้ทำจากปูน..จริง ๆ ทรัพยากรไม้ ที่พม่าน่าจะยังมีอยู่อีกเยอะ ไหน ๆ จะสร้างจำลองแล้ว ก็ควรทำจากไม้ไปเลย เสียความรู้สึกนิดหน่อย ที่มาดูอาคารปูน





หลังจากเราจ่ายค่าธรรมเนียม10ดอลล่าต่อคนแล้ว เราก็ไปเที่ยวให้ครบ ในเมืองบาโกจะมีวัดคู่บ้านคู่เมืองอยู่ 3 วัน กัน1 เจดีย์ ที่พลาดไม่ได้ ก็จำชื้อวัดไม่ได้ แต่จุดเด่น ๆ คือ 1.เจดีย์วเวมอดอ 2.วัดพระนอน 3.วัดที่มีพระสี่ทิศ 4.วัดที่มีชาวฮินดูไปสักกากระ(แนว ๆ วัดแขกบ้านเรา แต่ลักษณะวัดก็เป็นแบบพม่าทั่วไป)

แล้วอย่าลืมซื้อทานาคา มาลองใช้ดูหรือไว้เป็นของฝากเพือนที่เมืองไทยด้วยนะครับ เด่วนี้ทานาคาที่ขาย ๆ กัน ก็มี 3 แบบให้เลือกเลย คือ


แบบดั้งเดิม จะมีไม้ทานาคากับแท่นหินไว้ฝนไม้ เมื่อฝนแล้วก็จะได้ทานาคา



แบบบดแล้วอัดมาใจกระปุกแล้ว อันนี้ใช้งานง่าย เอาน้ำลูบ ๆ ก็เอามาทาได้เลย



ส่วนอีกแบบนี่เล่นแรง ทำเป็นแป้งพัฟแบบเครื่องสำอางเลย ทั้งเอามาโบ๊ะหน้าได้เลย หรือเอามาผสมน้ำก่อนแล้วทาแบบดั้งเดิมก็ได้ แต่ว่าไปแล้วเจ้าแบบแป้งพัฟนี่ดูข้างกล่อง ผลิตที่สมุทรปรการบ้านเรานี่เอง

เมื่อเราเที่ยวเมืองบาโกเสร็จก็กลับย่างกุ้งกันเลย อ้อ..สำหรับเมืองบาโก อย่าลืมนะครับ ถ้ามีโอกาสได้ไปเค้าจะเก็บค่าธรรมเนียมเพียงครั้งเดียว แล้วเที่ยวได้ทุกที่ทุกวัด อาจจะจ่ายเพิ่มแค่ค่ากล้องถ่ายรูป ด้วยความเข้าใจผิด ซึ่งในใจแอบด่าว่าแพงจริง เก็บตังก์ที่ละ 10 usd แต่ด้วยความใส่ใจของเจ้าหน้าทีการท่องที่วัดพระนะที่นั่น เค้าเป็นเราถือตั๋ว 4 ใบ แต่ไป 2 คน แล้วเราก็จะจ่ายตังค์ค่าเข้าให้เค้าอีก เค้าบอกไม่ต้งแล้ว แล้วก็ถามว่ามาหลายคนเหรอ เราบอกมา2 คน เค้าเดือนร้อนมาก ไปเรียกเจ้าหน้าที่ที่พูดไทยได้ ไปเรียกลูงโทนมาเลย แล้วเค้าก็ให้เราไปเอาเงินคืน ตรงนี้ประทับใจเจ้าหน้าพี่พม่า วัดพระนอนมาก จากนั้นลุงโทนก็พอเราไปเอาตั้งคืน แก่ต่อรองคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ทางเข้าวังบุเรงนองอยู่นานเลยกว่าจะได้เงินคืน แต่จริง ๆ แล้ว คนที่เก็บตั้งเราเพิ่มคือที่เจดีย์ชเวมอดอ แต่ทางเจ้าหน้าที่ที่ชเวมอดอให้เราไปเอาตั้งคืนที่วังบุเรงนอง เมื่อคุยกับเจ้าหน้าทีประตูซักพัก ก็มีการโทรกับวุ่ยวาย แล้วก็ได้คือ ประทำใจมาก ๆ จำหรับทุกคน ทำให้รู้สึกลึก ๆ เลยว่า ชาวพม่าเป็นคนไม่นิ่งดูดายเลย นี่ถ้าเป็นคนบ้านเรานะ..กรณีแบบนี้..ไม่กล้าคิดเลย

วุ่ยวายกันที่bago กันพักใหญ่ กว่าจะกลับมาถึงย่างกุ้ง chack in เข้าเกรทเฮ้าส์ อาบน้ำอาบท่าก็ค่ำแล้ว เลยไม่ได้ไปไหนต่อเลย มีเวลาไปแค่กินข้าวเย็นร้านอร่อย ซึ่งลุงโทนบอกว่า ร้านนี้ดังมากในพม่าแล้วเราก็ไปกินกันที่ร้าน Golden Duck


 แน่นอนว่า ร้านเป็ดทอง ต้องมีดีที่เป็ด ร้านนี้เป็นทอดอร่อยมาก ๆ สมคำเล่าลือจริง ๆ



 บริการดี ราคาไม่แพง(ราคาประมาณร้านอาหารบ้านเรา) อร่อยทุกอย่าง



ดู Golden Duck ในแผนที่ขนาดใหญ่กว่า




วันที่3 (3rd day)
ตื่นเช้ามาก็เก็บของ check out ทานอาหารเช้า  ทีเกรทเฮ้า okinawa  มีอาหารเช้าให้ด้วยนะ เป็นอาหารเช้ากึงพื้นเมือง ก็กินได้รถชาติไม่คุ้นลิ้นเท่าไหร่


ผัดหมี่ หรือไรซักอย่าง


อันนี้เห็นข้าเหนียวห่อกล้วย คล้าย ๆ ข้าวต้มมันบ้านเรา รสชาดต่างกันนิดหน่อย


 กล้วยหอม

กาแฟ 3 in 1 ตามมาตรฐาน


หลังจากกินอิ่มแล้วก็ ไปเที่ยวในตัวเมืองย่างกุ้งกันเลย ที่แรกที่ไม่ไปไม่ได้ เปิดตั้งแต่ 8 โมงเช้า คือเจดีย์ชเวดากอง


ไปถึงก็ไม่ต้องพูดอะไรมาก สวยงาม ยิ่งใหญ่จริง ๆ ครับ





ตรงยอดสุดของเจดีย์ เป็นเพชร

อันนี้คือยอดรวม ๆ

ต่อด้วยไปไหวพระเทพทันใจ แต่ไม่ได้ขออะไรเลย 555 แค่ไหว้เป็นศิริมงคล
เจดีย์ Botahtaung Pagoda


ดู Botahtaung Pagoda ในแผนที่ขนาดใหญ่กว่า


 บรรยากาศทั่วไป อากาศร้อน พื้นก็ร้อน

 ด้านในเจดีย์ เดินเข้าไปได้

เทพทันใจ


อันนี้ด้านในเจดีย์ Botahtaung







ภาคผนวก (Addenda)
1.อัดราและเปลี่ยนเงินจํ๊ดพม่าอยู่ที่  1USD = 942 MMK(kyat)  july 2013
Exchange rate is 1USD = 942 MMK(kyat)

2.เงินดอลล่า ต้อง ใหม่ ไม่ขาด ไม่ยับ เท่านั้น ไม่งั้นจะไม่รับ
The dollar must be new and complete, otherwise it unusable.

3.รถตู้ลุงโทนราคา 180usd ต่อเวลา3วัน รวมค่าน้ำมันและค่าผ่านทางต่าง ๆ แล้ว เป็นรถไม่มีแอร์ แต่เดือนกรกฎาคมนี้ แกเปลี่ยนรถใหม่แล้วจ้า ราคาอาจปรับขึ้นเล็กน้อย รายละเอียดคุยกะแกเองนะครับ ร้านที่แกพาไปกิน อร่อยทุกร้าน แกพูดไทยไม่ได้ แต่ภาษาอังกฤษดีมาก (จบทริปแล้วก็ให้ทิปแกตามความพอในเลยครับ)
Mr. Thaung Tun, a tour van owner. He used a good English. He is a kind person. 180 USD for 3 days. This July 2013 he will change a new car, the cost maybe change. Good service, Good communications, if the service has been satisfactory please give him some tip.

ติดต่อ Contact
THAUNG TUN
Ph:95-9-420071913
E-mail : thaungtunmyanmar@gmail.com



4.โอกินาว่า เกรทเฮ้าท์ ที่พักราคาไม่แพง กลางเมืองย่างกุ้ง ราคาห้องแอร์เตียงเดี่ยวห้องน้ำในตัวอยู่ที่ 30 ดอลล่าต่อคืน มีห้องรวมราคาไม่เกิน 10 ดอลล่าด้วยเน้อ พร้อมอาหารเช้าแบบฟิวชั่น(พื้นเมืองผสมตะวันตก555) ติดต่อ,จองห้อง ทางโทรศัพท์เท่านั้น ไม่รับทางอื่น
OKINAWA Guest House , The good small guest house that low price. That is near Sule Pagoda. The cost less than 30 dollars per night. Contact by phone only.

ติดต่อ Contact
OKINAWA Guest House
tel: 951-374318