วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ทุ่งดอกทานตะวัน อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี

ทุ่งดอกทานตะวัน อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี

นั่งรถไฟลอยน้ำ ชมทุ่งดอกทานตะวัน

หลังสายฝนพัดผ่าน ลมหนาวโชยความเย็นมาทดแทน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จัดแผนเดินทางขึ้นเหนือเพื่อท่องป่า ชมทุ่งดอกไม้เมืองหนาวที่แข่งกันผลิดอก บานสะพรั่ง หากแต่อีกพื้นที่หนึ่ง ที่อยู่ห่างจากเมืองกรุงเพียง 153 กิโลเมตร ในช่วงเดือนพฤศจิกายน - เดือนมกราคม ลองเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งฟังเสียงฉึกฉัก และรับลมหนาวผ่านช่องหน้าต่าง เพื่อสัมผัสความงามของทุ่งดอกทานตะวันสีเหลืองที่บานสะพรั่งขนาบสองข้างทางกันดู

ที่ตั้ง อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี

ช่วงเวลาที่เหมาะสม ฤดูหนาวประมาณเดือนพฤศจิกายน – เดือนมกราคม

การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ผ่านจังหวัดสระบุรี เมื่อถึงสามแยกพุแคให้เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21 จากนั้นแยกขวาอีกครั้งไปตามทางหลวงหมายเลข 3017 (สายลพบุรี – โคกตูม) ถึงอำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ระยะทางประมาณ 153 กิโลเมตร

ทุ่งดอกทานตะวัน

จังหวัดลพบุรีในอดีตเป็นเมืองลูกหลวงของจังหวัดพระนครศรีอยุธยามาก่อน เมื่อสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ทรงสร้างเมืองอยุธยาแล้วได้โปรดให้พระราเมศวร พระราชโอรส ไปครองเมืองลพบุรีในปี พ.ศ. 1893 กระทั่งถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงเห็นว่าอยุธยาใกล้ทะเลเกินไปอาจถูกกองเรือต่างชาติโจมตีง่าย จึงโปรดให้สร้างลพบุรีเป็นราชธานีแห่งที่สอง

ลพบุรียังมีสถานที่เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อีกมากมาย ที่คุณสามารถแวะเที่ยวชมก่อนขับรถเลียบถนน ทางหลวงหมายเลข 3017 ไปอำเภอพัฒนานิคม เพื่อชมความงามของทุ่งดอกทานตะวันที่บานสะพรั่งเต็มที่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน – เดือนมกราคมของทุกปี และยังสามารถขับรถไปเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อทำกิจกรรมหลากหลายภายในเขื่อน และยังสามารถรอชมรถไฟลอยน้ำที่วิ่งผ่านรางรถไฟในยามพระอาทิตย์คล้อยอัสดงลงพื้นอ่างเก็บน้ำของเขื่อนได้ด้วย

ก่อนเดินทางกลับคุณยังสามารถแวะซื้อสินค้า OTOP ขึ้นชื่อของจังหวัดลพบุรีเป็นของฝากก่อนกลับบ้านได้ มีให้เลือกทั้งผ้ามัดหมี่ ผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าขาวม้า เครื่องจักสาน โลหะหล่อ และผลไม้หลากชนิด

สถานที่เที่ยวที่น่าสนใจ

ทุ่งดอกทานตะวัน

ที่จังหวัดลพบุรีนอกจากจะมีพระปรางค์ 3 ยอดที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาสักการบูชาแล้ว บนถนนสายอำเภอพัฒนานิคม ในช่วงเดือนพฤศจิกายน – เดือนมกราคมของทุกปี ตลอดสองข้างทางไปเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ทุ่งดอกทานตะวันสีเหลืองบานสะพรั่งที่ถูกปลูกอยู่ในสวนเอกชน ยินดีต้อนรับให้นักท่องเที่ยวเข้าไปแวะชมความงามพร้อมกับถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก โดยจะเสียค่าบริการประมาณ 10-20 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับแต่ละสวน บางสวนจะยังมีผลิตภัณฑ์จากเมล็ดทานตะวันให้เลือกซื้อรับประทานกัน หากคุณต้องการชมทุ่งดอกทานตะวันที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา บนถนนสายพัฒนานิคมที่บ้านชอนน้อย ตำบลชอนน้อย ก็มีให้ชมในบรรยากาศที่แตกต่างไปจากการชมในสวนด้วย

สถานที่เที่ยวใกล้เคียง

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

ที่ตั้ง อำเภอพัฒนานิคม ห่างจากตัวเมืองจังหวัดลพบุรีประมาณ 48 กิโลเมตร เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เป็นเขื่อนใหม่ล่าสุดของประเทศไทย ได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาลุ่มน้ำป่าสัก อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ลักษณะเป็นเขื่อนดินมีแกนกลางเป็นดินเหนียว มีความจุอ่างเก็บน้ำใหญ่เป็นอันดับที่สาม รองจากเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนภูมิพล มีความยาวสันเขื่อน 4,860 เมตร สามารถเก็บกักน้ำได้ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร มีอาคารระบายน้ำล้นเป็นประตูระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก 7 ช่อง ระบายน้ำได้สูงสุดถึง 3,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

สันเขื่อน

นักท่องเที่ยวต้องเดินเท้าเพื่อเข้าถึงตัวสันเขื่อนระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร หรือจะเลือกนั่งรถลากจูงชมสันเขื่อน โดยส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะเลือกนั่งรถลากจูงมีค่าบริการผู้ใหญ่ 20 บาท/คน เด็ก 10 บาท/คน ใช้เวลาประมาณ 40 นาที/รอบ ระยะทางไป-กลับประมาณ 10 กิโลเมตร สามารถชมทัศนียภาพเหนือเขื่อน ท้ายเขื่อน และชายหาดเหนือผืนน้ำได้สวยงาม

พิพิธภัณฑ์ลุ่มน้ำป่าสัก

ที่ตั้ง อยู่เยื้องกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ภายในพิพิธภัณฑ์ นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมกับโบราณวัตถุอายุนานนับ 100 ปี ทั้งโครงกระดูกมนุษย์ เครื่องปั้นดินเผา จากแหล่งที่ขุดพบในพื้นที่สร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และยังมีการแสดงวิถีชีวิตของชาวไทยเบิ้งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ด้วย เปิดบริการ 08.30 – 16.30 น. เข้าชมฟรี

จุดชมรถไฟลอยน้ำ

เป็นหนึ่งในกิจกรรที่ไม่ควรพลาด แต่จะหาดูได้เฉพาะในช่วงวันหยุดช่วงเทศกาลเท่านั้น แต่ถ้าต้องการเห็นแบบใกล้ชิด และได้มายืนอยู่บนรางรถไฟลอยน้ำ ก็สามารถเลือกเที่ยวกับขบวนรถไฟพิเศษของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่จะมีเที่ยวรถในช่วงเดือนพฤศจิกายน – เดือนมกราคม โดยรถไฟจะจอดบนรางกลางผืนน้ำทะเลสาบให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพ นับเป็นจุดชมวิวที่คลาสสิคและหาที่ไหนไม่ได้นอกจากที่นี่ที่เดียว

กิจกรรมที่น่าสนใจภายในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

นั่งรถม้าชมพูมิทัศน์รอบเขื่อน

หากคุณเคยสัมผัสกับบรรยากาศการนั่งรถม้าที่จังหวัดลำปาง ที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ก็มีรถม้าคอยพานักท่องเที่ยวชม ภูมิทัศน์รอบ ๆ เขื่อน นอกเส้นทางของรถลากจูงให้ได้สัมผัสเขื่อนอีกมุมมองหนึ่ง ราคา 50 บาท/รอบ/4-5 คน

ติดต่อสอบถาม สวัสดิการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ โทรศัพท์ 0 3649 4243

สิ่งอำนวยความสะดวก

บนถนนทางหลวงหมายเลข 3017 (สายลพบุรี – โคกตูม) มาอำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี นอกจากจะมีทุ่งดอกทานตะวัน และร้านอาหารอร่อย ๆ เรียงรายตามสองข้างทางแล้ว ยังมีบ้านพักหลากสไตล์ หลายราคาให้เลือกตามความพอใจ หรือจะขับเลยไปพักที่บ้านรับรองเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ก็สะดวก สบาย หากใครนำเต็นท์มาเอง สะดวกที่จะกางเต็นท์ในพื้นที่เขื่อนก็ทำได้เช่นกัน

· บ้านพักรับรองเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

บ้านพัก 3 แบบ บ้านเดี่ยว พักได้ 4 คน/หลัง, บ้านแฝด พักได้ 10 คน/หลัง และบ้านเรือนแถว ราคา 1,000 – 1,200 บาท

· ลานกางเต็นท์เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

ค่าธรรมเนียม ค่าเช่าเต็นท์และถุงนอนคืนละ 300 บาท/3-4คน ถ้านำเต็นท์มาเอง คิดค่าเช่ากางเต็นท์หลังเล็ก 70บาท/คืน หลังใหญ่ 140บาท/คืน ติดต่อสอบถาม โทรศัพท์ 0 3649 4243

เที่ยวกับการรถไฟแห่งประเทศไทย

เที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ชมรถไฟลอยน้ำ และทุ่งดอกบัวตอง

06.20 น. ออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพมหานคร

09.20 น. ถึงจุดชมทุ่งดอกทานตะวัน

10.10 น. ถึงสถานีสุรนารายณ์ ทางการรถไฟจะหยุดให้นักท่องเที่ยวชมวิวกลางสะพานนาน 5 นาที เพื่อชมความงามของรถไฟลอยน้ำ จากนั้นจะย้อนกลับไปยังเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมทุ่งดอกทานตะวัน ชมพิพิธภัณฑ์ลุ่มน้ำป่าสัก และซื้อของที่ระลึกจากศูนย์จำหน่ายร้านค้า OTOP

13.10 น. ขบวนรถไฟเคลื่อนตัวออกจากป้ายหยุดรถเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

16.25 น. ถึงสถานรถไฟกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

อัตราค่าบริการไป – กลับ

· ชั้น 1 ปรับอากาศ 750 บาท/คน, ชั้น 2 ปรับอากาศ 550 บาท/คน

· ชั้น 3 ธรรมดา 350 บาท/คน

* หมายเหตุ โปรแกรมการเดินทางเที่ยวพิเศษนี้มีเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน – มกราคมของทุกปี

Package 1 Day Trips

· ช่วงเช้า ขับรถเลียบถนนทางหลวงหมายเลข 3017 เพื่อชมความงามของทุ่งดอกทานตะวันที่จะบานเหลืองสะพรั่งในช่วงเดือนพฤศจิกายน – มกราคม บริเวณสองข้างทางไปอำเภอพนัสนิคม สามารถแวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกได้

· ช่วงสาย ขับรถเลยไปชมการแปรรูปผลผลิตจากทานตะวันที่กลุ่มแม่บ้าน ตำบลชอนน้อย เช่น คุ้กกี้ทานตะวัน เมล็ดทานตะวันคั่ว ข้าวเกรียบทานตะวัน ข้าวตังทานตะวัน เพื่อซื้อรับประทานระหว่างทาง (0 1804 1059, 0 1949 2306) จากนั้นเดินทางไปเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เดินเท้าไปชมพิพิธภัณฑ์ลุ่มน้ำป่าสัก และถ่ายรูปบริเวณรอบ ๆ เขื่อน พักรับประทานส้มตำและปลาเผารสเด็ด เป็นมื้อกลางวันที่ร้านอาหารปากทางเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

· ช่วงบ่าย นั่งรถลากจูงชมสันเขื่อน ใช้เวลาประมาณ 40 นาที กลับมาที่ท่ารถนั่งรถม้าเที่ยวชม ภูมิทัศน์รอบเขื่อนอีก 1 รอบ หากมีเวลาเหลือยังสามารถขับรถไปอำเภอบ้านหมี่ ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร เพื่อเลือกซื้อผ้ามัดหมี่เป็นของฝากขึ้นชื่อไปฝากคนที่บ้าน

· ช่วงเย็น ขับรถย้อนกลับมาที่จุดชมวิวรถไฟลอยน้ำที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อรอชมขบวนรถไฟลอยน้ำก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เป็นโปรแกรมปิดท้ายก่อนเดินทางกลับ โดยสวัสดิภาพ

วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ทุ่งดอกกระเจียวอุทยานฯ ไทรทอง อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ

ทุ่งดอกกระเจียวอุทยานฯ ไทรทอง อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ

ชมทุ่งดอกกระเจียวบานท่ามกลางสายหมอกขาว

อุทยานแห่งชาติไทรทอง เป็นหนึ่งในอุทยานฯ ขึ้นชื่อของจังหวัดชัยภูมิ ด้วยพื้นที่ราบสูงซ้อนสลับด้วยเนินป่าเขาทำให้เกิดทัศนียภาพสวยงามตลอดฤดูกาล แต่ในช่วงต้นฤดูฝนนอกจากผืนป่าสีเขียวขจีที่สวยสดงดงามแล้ว ดอกกระเจียวทั้งสีชมพูอมม่วง และสีขาวจะผลิดอกบานทั่วทุ่ง ชาวบ้าน เรียก ทุ่งนี้ว่าทุ่งดอกบัวสวรรค์ ลองมาสัมผัสบรรยากาศยามเช้ามืดของที่นี่แล้วคุณจะรู้ว่าเหมือนดินแดนในฝัน

สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างที่นี่อุทยานฯ ไทรทอง กับอุทยานฯ ป่าหินงาม คือ ที่นี่คุณต้องเดินเท้าระยะทางไม่ต่ำกว่า 2 กิโลเมตา ผ่านป่าหมอกเลาะริมหน้าผาเพื่อไปยังทุ่งดอกกระเจียว ที่ปรากฏอยู่หลายทุ่ง ในวันที่หมอกลงจัด คุณจะได้สัมผัสป่าที่หมอกปกคลุมขาวโพลนที่นี่

ที่ตั้ง อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ

ช่วงเวลาที่เหมาะสม ฤดูฝนปลายเดือนมิถุนายน – กลางเดือนสิงหาคม

การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ขับรถตามทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านสระบุรีจนถึงบ้านพุแค เลี้ยวขวาตามทางหลวงหมายเลข 21 จนถึงอำเภอชัยบาดาล แล้วแยกตามทางหลวงหมายเลข 205 ผ่านกิ่งอำเภอลำสนธิก่อนถึงอำเภอเทพสถิตประมาณ 1 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายตามทางหลวงหมายเลข 2354 ผ่านอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ถึงอำเภอนายางกลัก ระยะทางประมาณ 63 กิโลเมตา แล้วเลี้ยวซ้ายอีกที เมื่อถึงอำเภอซับมงคล จะเจอแยกทางหลวงหมายเลข 225 ให้เลี้ยวขวาไปประมาณ 13 กิโลเมตร จะถึงปากทางเข้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติไทรทอง

อุทยานแห่งชาติไทรทอง

อุทยานแห่งชาติไทรทอง มีเนื้อที่ประมาณ 319 ตารางกิโลเมตรครอบคลุมพื้นที่อำเภอหนองบัวระเหว อำเภอเทพสถิต อำเภอภักดีชุมพล และอำเภอปนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ มีอาณาเขตติดต่อกับอุทยานแห่งชาติ ป่าหินงามและอุทยานแห่งชาติภูแลนคา เป็นผืนป่าบนเทือกเขาพระยาฝ่อ และเทือกเขาพังเหย สูงสลับซับซ้อนเป็นทัศนียภาพที่สวยงามมาก

ในช่วงต้นฤดูฝนนอกจากผืนป่าเต็งรัง และป่าดิบจะชุ่มฉ่ำน้ำ เปล่งสีเขียวทั่วทั้งผืนแล้ว ที่นี่ยังงดงามโดดเด่นด้วยดอกกระเจียวที่ผลิบานอยู่เต็มท้องทุ่ง และยังสามารถเที่ยวชมสถานที่เที่ยวอื่น ๆ ภายในได้ทั้งจุดชมวิวบริเวณผาหำหด ที่ให้คุณได้ชมวิวและท้าทายกับกิจกรรมโรยตัว ตลอดจนเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่สวยงาม ถ้าโชคดียังจะได้เห็นสัตว์ป่าทั้ง หมูป่า ชะมด เก้ง กระต่ายป่า นกสายพันธุ์ต่าง ๆ และปลาบางชนิดตามแหล่งน้ำด้วย

สถานที่เที่ยวที่น่าสนภายในอุทยานแห่งชาติไทยทอง

ทุ่งบัวสวรรค์ หรือทุ่งดอกกระเจียว ตั้งอยู่บริเวณเส้นเขาพังเหยด้านทิศตะวันตก ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ไทรทอง ประมาณ 12 กิโลเมตร มีทั้งหมด 4 ทุ่ง จะผลิดอกสวยงามเต็มทุ่งประมาณปลายเดือนมิถุนายน – กลางเดือนสิงหาคมของทุกปี

การเดินทางขึ้นมาชมทุ่งบัวสวรรค์ที่อุทยานฯ ไทรทองนั้น นักท่องเที่ยวต้องใช้รถกำลังขับสูง หรือรถกะบะ เพราะทางขึ้นค่อนข้างสูงชัน และต้องแผ่นผ่านธารน้ำตก หากไม่มีรถ สามารถติดต่อเหมารถแบบไปเช้า เย็นกลับได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีราคาทั้งคิดเป็นหัว 500 บาท / คน และเหมารถ 500 บาท / คัน ก็ขึ้นไปชมความอุดมสมบูรณ์ของพรรณไม้น้อยใหญ่ ที่บานแข่งดอกกระเจียวได้ ทั้งดอกดุสิตา สร้อยสุวรรณ จุกนารี กระดุมเงิน กระดุมทอง เอื้องนวลจันทร์ ฯลฯ

นอกจากพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลที่ซ่อนทุ่งบัวสวรรค์ไว้ถึง 4 จุดแล้ว ยังมีหน้าผาสูงชันตลอดรายทาง ให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิวอันสวยงามของพื้นที่ราบทางการเกษตร ของชาวบ้านอำเภอภักดีชุมพล และแนวเทือกเขาพระยาฝ่อ ที่ทอดยาวมาเชื่อมกับแนวเทือกเขาพังเหย เป็นภูเขาสีเขียวสูงสลับซับซ้อนกันสวยงามมาก

จากจุดเริ่มต้นนักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปชมความสูงชัน และท้าทายความกล้าที่ผาหำหดได้ก่อนระยะทาง 500 เมตร แล้วจึงเดินตัดลงมาตามทางเดินปกติ แนะนำให้เดินลึกเข้าไปชมความงามของทุ่งบัวสวรรค์ 1 ก่อน เพราะเป็นทุ่งที่อยู่ลึกสุดแต่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุด จากนั้นจึงเดินย้อนกลับมาชมทุ่งบัวสวรรค์ 2 และชมวิวที่ผาเพลินใจที่อยู่ตรงข้ามกันได้ แล้วเดินไปชมทุ่งบัวสวรรค์ 4 หรือทุ่งกระเจียวขาว เป็นทุ่งดอกกระเจียวสีขาวเพียงแห่งเดียวในพื้นที่อุทยานฯ ไทรทอง มีลักษณะเป็นสีขาวทั้งดอก ลำต้นขนาดเล็กสูงประมาณ 1 คืบเท่านั้น หากมาในช่วงเช้าจะเห็นสายหมอกปกคลุมทั่วพื้นที่ และเห็นละอองน้ำหยาดทั่วผืนหญ้าแคระ และดอกกระเจียวสวยงามมาก จากนั้นจึงเดินไปชมทุ่งบัวสวรรค์ 3 เป็นทุ่งที่อยู่ใกล้ปากทางเข้ามากที่สุด แต่เส้นทางเดินเข้าไปชมกระเจียวนั้น ต้องผ่านทุ่งเสม็ด เป็นทุ่งหญ้ากว้างค่อนข้างสูง ต้องเดินผ่านเข้าไปลึกพอสมควรจึงจะเห็นดอกกระเจียวสีชมพูอมม่วง ลานขึ้นสลับกับเอื้องนวลจันทร์สีเหลืองสวยงาม ใช้เวลาเดินชมทุ่งบัวสวรรค์และหน้าผาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ระยะเดินเท้าประมาณ 4.3 กิโลเมตร นับเป็นกิจกรรมที่เหมาะสำหรับกลุ่มวัยรุ่นที่รักและนิยมชมชอบการผจญภัยไปกับธรรมชาติมากที่สุด

นอกจากนี้ในฤดูหนาวที่อุทยานฯ ไทรทอง ยังได้จัดรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสลมหนาว ทำกิจกรรมผจญภัยทั้งโรยที่ผาหำหด เดินศึกษาธรรมชาติชมทุ่งบัวสวรรค์ ชมพรรณไม้หายากอีกหลายชนิด ชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่ผาอาทิตย์อัสดง และนอนกางเต็นท์บนลานหน้าผาได้ด้วย

ผาหำหด

เป็นสันเขาตรงจุดสูงสุดของเทือกเขาพังเหย สูงจากระดับน้ำทะเล 860 เมตรบนเทือกเขาพังเหย มองเห็นทิวทัศน์สวยงามรอบด้าน มีแนวหินยื่นออกไปจากหน้าผาประมาณ 1 เมตร เป็นจุดที่เสียวที่สุด ยามเช้าในฤดูฝนพื้นที่ด้านล่างจะถูกปกคลุมด้วยสายหมอกหนาทึบ ถ้าโชคดีอาจได้เห็นพระอาทิตย์ฉายแสงรุ่งอรุณโผล่พ้นขึ้นเหนือแนวสันเขาสลับซับซ้อนสวยงามมาก

นอกจากนี้ยังมีสถานที่กางเต็นท์พักแรม และมีกิจกรรมโรงตัวผาหำหดระยะทางประมาณ 50 เมตร ให้นักท่องเที่ยวได้ทดสอบความกล้ากันด้วย โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ ไทรทอง ให้คำแนะนำและจัดเตรียมอุปกรณ์ให้ครบทุกอย่าง

เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ

จุดที่หนึ่ง (น้ำตกไทรทอง-น้ำตกชวนชม) ระยะทางประมาณ 2.5 กิโลเมตร ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ไทรทอง ประมาณ 1 กิโลเมตร มีสถานที่เที่ยวสำคัญให้ชมระหว่างทาง 2 แห่ง คือ น้ำตกไทรทอง ห่างจากจุดเริ่มต้น 500 เมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็ก แต่มีลักษณะโดดเด่นที่เป็นแนวลานหินกว้างถึง 80 เมตร ในฤดูสายน้ำจะไหลลงมาผ่านลานหินลดหลั่นลงมาเป็นชั้น ก่อนจะไหลเป็นแนวแผ่กว้างตกลงมาเป็นม่านน้ำ ไหลลงสู่แอ่งน้ำใหญ่ด้านล่าง เรียกว่า วังไทร เป็นแอ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมเล่นน้ำกัน

จุดที่สอง น้ำตกชวนชมตั้งอยู่เหนือน้ำตกไทรทองขึ้นไปประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็กสูงประมาณ 20 เมตร บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างเงียบสงบและร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์

สถานที่เที่ยวใกล้เคียง

จุดชมวิวเขาพังเหย

ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ไทรทองประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นจุดแวะพักรถ และเป็นจุดชมทิวทัศน์ยามพระอาทิตย์อัสดงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในเขตอุทยานฯ ไทรทอง เพราะนอกจากพระอาทิตย์ดวงกลมโตแล้ว ยังมีฉากหลังของแนวสันเขาสลับซับซ้อนของเขาพังเหย และพื้นที่ราบของอำเภอภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิเชื่อมติดกับที่รอบภาคกลางในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์ด้วย

สิ่งอำนวยความสะดวก

อุทยานแห่งชาติไทรทองมีบ้านพักหลังไว้บริการนักท่องเที่ยวทั้งหมด 6 หลัง รองรับนักท่องเที่ยวได้มากถึง 8-9 คน/หลัง ภายในบ้านทุกหลังจะแบ่งเป็น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีเครื่องนอน และพัดลม ราคาตั้งแต่ 2,000 – 2,700 บาท/คืน นอกจากนี้ยังมีห้องสัมมนาไว้ให้กรุ๊ปทัวร์ที่ต้องการจัดประชุมไว้บริการ 1 ห้อง รองรับได้ 100 คน ราคา 500 บาท/คน สำหรับนักท่องเที่ยวที่นำเต็นท์มาเอง สามารถเลือกกางเต็นท์ได้ที่ลานหญ้าหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวติดกับอ่างน้ำ และบริเวณลานจอดรถก่อนทางเดินชมทุ่งบัวสวรรค์ เสียค่าบริการสถานที่ 30 บาท/คน/คืน และมีเต็นท์หลายขนาดให้เช่าพร้อมกับชุดเครื่องนอนราคาตั้งแต่ 250-500 บาท/คืนด้วย

บ้านพักจุดชมวิวเขาพังเหย

ที่จุดชมวิวเขาพังเหยห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ไทรทอง ประมาณ 30 กิโลเมตร มีบ้านพักแบบบังกะโล 4 ห้อง และบ้านหลังใหญ่ 1 หลังให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการบ้านพักราคาถูก และไม่ใหญ่เกินไป เหมือนบ้านพักภายในอุทยานฯ ได้เลือกพัก

บ้านบังกะโล พักได้ 6 คน ราคา 500 บาท/ห้อง/คืน และบ้านหลังใหญ่ 1 หลัง 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ราคา 1,700 บาท/หลัง/คืน

ติดต่อสอบถาม

อุทยานแห่งชาติไทรทอง อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ

โทรศัพท์ 0 9282 3437, 0 2562 0706 หรือ http://www.dnp.go.th

วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ทุ่งดอกกระเจียว ป่าหินงาม อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ

ทุ่งดอกกระเจียว ป่าหินงาม อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ

สัมผัสหมอกหนาว ชมทุ่งดอกบัวสวรรค์

ในอดีตมีตำนานเล่าขานว่าอำเภอเทพสถิตเป็นสถานที่สถิตของเทพ ช่วงต้นฤดูฝนของวันเข้าพรรษาทุ่งดอกบัวสวรรค์จะชูช่อบานสะพรั่งทั่วเนินเขาของอำเภอเทพสถิต เพื่อเป็นการบูชาเทพ จากอดีต ถึงปัจจุบันในช่วงฤดูฝน ดอกบัวสวรรค์หรือดอกกระเจียว จะยังทำหน้าที่บูชาเทพ ให้นักท่องเที่ยวได้ยลโฉมความสวยงามของทุ่งดอกสีชมพูอมม่วงอยู่ทุกปี

ยามสายฝนเริ่มโปรยปรายตามสายลม นักท่องเที่ยวหลายคนอดคิดถึงวันวานที่ได้ยลโฉมความงามของอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิไม่ได้ ผืนป่าชุ่มน้ำและชุ่มหมอกยามเช้าอุดมไปด้วยความงามของทุ่งดอกกระเจียว ผาหิน และลานป่าหิน หวนคืนกลับมาครบรอบให้รู้สึกอยากกลับไปเยือนอีกครา

ที่ตั้ง ตำบลบ้านไร่ อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ

ช่วงเวลาที่เหมาะสม ต้นฤดูฝนประมาณเดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม

การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ขับรถตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ผ่านสระบุรีจนถึงบ้านพุแค เลี้ยวขวาตามทางหลวงหมายเลข 21 จนถึงอำเภอชัยบาดาล แล้วแยกตามทางหลวงหมายเลข 205 ผ่านกิ่งอำเภอลำสนธิ ก่อนถึงอำเภอเทพสถิตประมาณ 1 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายตามทางหลวงหมายเลข 2354 ระยะทางประมาณ 17 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนลาดยางระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม รวมระยะทางประมาณ 270 กิโลเมตร

อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม

อุทยานแห่งชาติเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญทั้งทางธรรมชาติ และคุณค่าทางประวัติศาสตร์ นักท่องเที่ยวหลายคนสามารถศึกษาธรรมชาติควบคู่กับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพียงก้าวเข้ามาในอุทยานแห่งชาติ ที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิก็เช่นกัน ความงามยามฤดูฝนมาเยือน ผืนป่าส่วนหนึ่งจะบานสะพรั่งด้วยทุ่งดอกกระเจียวสีชมพูอมม่วง เปรียบเสมือนคำกล่าวเชื้อเชิญนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ความเชื่อ และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามนี้

อุทยานแห่งชาติป่าหินงามเดิมรู้จักกันในชื่อ ป่าเทพสถิต อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่านายางกลัก ในท้องที่ตำบลโป่งนก ตำบลนายางกลัก ตำบลบ้านไร่ ตำบลวะตะแบก อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ มีสภาพป่าสมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของลุ่มน้ำชี และแม่น้ำป่าสัก ลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขา ประกอบไปด้วยภูเขาต่าง ๆ เช่น เทือกเขาพังเหย โดยที่นี่มีจุดชมวิวสุดแผ่นดิน ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดของเขาพังเหยด้วย

สถานที่เที่ยวภายในทุ่งดอกกระเจียว หรือทุ่งดอกบัวสวรรค์

ในครั้งอดีตกาลชาวบ้านเชื่อว่าอำเภอเทพสถิตเคยเป็นที่สถิตของเทพ เมื่อถึงคราวเข้าพรรษาจะมีดอกบัวสวรรค์บานชูช่อเป็นทุ่งกว้าง เพื่อบูชาหมู่มวลเทพ ปัจจุบันจึงไม่น่าแปลกใจว่าการได้มาสัมผัสสายหมอกยามเช้า ที่ปกคลุมหนาแน่นเหลือเพียงดอกกระเจียวสีชมพูอมม่วงที่เปล่งสีตัดสายหมอก หมอกสวยงามเหมือนได้มายืนอยู่ในสรวงสวรรค์

ดอกกระเจียวเป็นดอกไม้ที่บานในช่วงต้นฤดูฝน จะบานเต็มทุ่งระหว่างเดือนมิถุนายน – สิงหาคม มีลักษณะเป็นสีชมพูอมม่วง เป็นพืชตระกูลขิง – ข่า ความสูงของลำต้นประมาณ 1 ข้อศอก สามารถชมได้ตลอดทั้งวัน แต่ช่วงที่สวยที่สุด คือ ช่วงเวลา 06.00 – 10.00 น. นักท่องเที่ยวยังสามารถมองเห็นวิวของทุ่งดอกกระเจียวไต่ระดับเลียบตามเนินเขาทางเดิน แล้วมองย้อนกลับมาก็สวยงามด้วยสายหมอก และทุ่งดอกกระเจียวกลมกลืนกับป่าเต็งรังใบหน้าใหญ่ และทุ่งหญ้าแคระสีเขียวอย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย จากบนยอดสุดของทุ่งดอกกระเจียวยังสามารถเดินตามทางลัดป่าไปจนถึงจุดชมวิวสุดแผ่นดิน ระยะทางประมาณ 300 เมตรได้ด้วย

จุดชมวิวสุดแผ่นดิน

เกิดจากการดันตัวของแผ่นดินภาคกลาง ซุกเข้าใต้ดินแดนอีสาน (แผ่นดินอินโด-ไชน่า) จนเกิดการยกตัวสูงขึ้นแบ่งระหว่างภาคกลาง กับภาคอีสาน ทำให้เรียกอีกอย่างได้ว่า สุดแผ่นดินอีสาน-กลาง และยังเป็นจุดรอยต่อของ 3 จังหวัด 3 ภาค คือ อำเภอเทพสถิต และอำเภอภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบุรี ภาคเหนือและเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา จังหวัดลพบุรี ภาคกลาง

ด้วยความสูงถึง 846 เมตร เป็นจุดที่สูงที่สุดของเทือกเขาพังเหยทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของแนวเทือกเขาพังเหยได้กว้างไกลสุดสายตา หากมาเยือนในช่วงปลายฝนต้นหนาว หมอกจะปกคลุมหนามาก ต้องมาในช่วงสายของวันจะเห็นวิวสุดแผ่นดินสวยที่สุด เพราะสายหมอกจะลอยตัวสูงขึ้น เปิดพื้นที่ด้านล่างให้นักท่องเที่ยวได้ยลโฉมผืนป่าสีเขียวเป็นแนวราบ สลับกับเทือกเขาสลับซับซ้อนกันสวยงามมาก บริเวณจุดชมวิวจะมีผาหิน ลักษณะยื่นออกไปเป็นจุดที่เสียวที่สุดของจุดชมวิวสุดแผ่นดิน เรียกว่า ผาพังเหย

ลานป่าหินงาม

เป็นลานหินที่เกิดจากการกัดเซาะของเนื้อดินและหินเป็นเวลาหลายล้านปี วางซ้อนกันเป็นกลุ่มหิน และแยกกระจายทั่วพื้นที่ดูแปลกตา โดยจุดที่สวยที่สุด คือจุดชมวิวมีลักษณะเป็นแท่งหินวางอยู่บนเนินเขาสูง ทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพของลานป่าหินงามจะเห็นสายหมอกปกคลุมกลมกลืนกับแท่งสีเทาที่มีลักษณะคล้ายรูปลักษณ์ต่าง ๆ ทั้งหินตะปู หินรูปปราสาท หินรูปไก่ หินรูปช้าง หินรูเรดาร์ และชุดหินใหญ่ แต่ถ้ามาเที่ยว ในช่วงเย็นยังสามารถรอชมแสงสุดท้ายยามพระอาทิตย์อัสดงลับหลังเขา เป็นฉากหลังของลานป่าหินงามที่สวยงามอีกด้วย

* หมายเหตุ หากคุณเดินทางมาอุทยานฯ ป่าหินงามในช่วงวันจันทร์ – วันศุกร์ สามารถขับรถยนต์ส่วนตัวเพื่อเที่ยวชมสถานที่เที่ยวภายในอุทยานได้ แต่ถ้าเดินทางมาวันเสาร์ – วันอาทิตย์ คุณต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดรถหน้าที่ทำการอุทยานฯ ป่าหินงาม แล้วนั่งรถบริการชมสถานที่เที่ยวที่อุทยานจัดไว้ให้เท่านั้น ค่าบริการ 10 บาท / คน

ร้านขายของที่ระลึก

ฝั่งตรงข้ามกับที่ทำการอุทยานฯ ป่าหินงาม มีสินค้าท้องถิ่น และสินค้า OTOP ขึ้นชื่ออย่างซิ่นมัดหมี่ ดอกไม้ประดิษฐ์ จากกระดาษเป็นดอกกระเจียว และดอกกระเจียวสดให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อเป็นของฝากกลับบ้านกัน

สถานที่เที่ยวใกล้เคียง

วัดประตูชุมพล 1

ที่ตั้ง เลยปากทางเข้าอุทยานฯ ป่าหินงามไปทางซ้ายมือประมาณ 1.5 กิโลเมตร ทุก ๆ เช้ามืดของวัน จะมีพระออกบิณฑบาตเดินฝ่าสายหมอกขาวนวล และลมหนาวบริเวณปากทางเข้าวัด ให้ความรู้สึกแบบชนบทแต่คลาสสิกมาก นักท่องเที่ยวสามารถตักบาตรพระ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตได้

สิ่งอำนวยความสะดวก

บ้านพัก

ในฤดูกาลท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวที่ต้องการพักแรมภายในบ้านพักของอุทยานฯ ป่าหินงาม เพื่อสัมผัสความสวยงามของป่าไม้เต็งรัง และผืนป่าเขียวของชาวบ้านอำเภอเทพสถิต สามารถเลือกพักบ้านพักทั้ง 3 หลัง และเรือแถวสำหรับนักท่องเที่ยวที่มากันเป็นหมู่คณะของอุทยานฯ ได้ ถ้าหากนำเต็นท์มาเอง ก็สามารถตั้งแค้มป์ส่วนตัวในพื้นที่ลานกางเต็นท์ใกล้บ้านพักได้เช่นกัน บ้านพักหลังใหญ่ 1 หลัง พักได้ 11 คน/1,800 บาท/คืน, บ้านพักหลังเล็ก 2 หลัง พักได้ 6 คน/1,200 บาท/คืน, บ้านพักเรือนแถว พักได้ 15 คน/500 บาท/ห้อง และเต็นท์ 2 คน/หลัง/160 บาท (กรณีนำเต็นท์มาเอง บริจาคค่าบำรุงสถานที่ตามศรัทธาของนักท่องเที่ยว)

Package เกี่ยวกับการรถไฟแห่งประเทศไทยแบบไปเช้า-เย็นกลับ

เที่ยวทุ่งดอกกระเจียว, ชมรถไฟลอยน้ำกลางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์และอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม

06.25 น. ขบวนรถออกจากสถานีกรุงเทพฯ ขบวนรถวิ่งพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสความงามของรถไฟ

ลอยน้ำกลางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ไปจนถึงสถานีเทพสถิต (บ้านวะตะแบก) เพื่อชมความ

งามภายในอุทยานป่าหินงาม ทั้งทุ่งดอกกระเจียว จุดชมวิวสุดแผ่นดิน

16.10 น. ขบวนเที่ยวกลับออกจากสถานีเทพสถิต

20.55 น. ถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

อัตราค่าบริการ

ผู้ใหญ่ 990 บาท, เด็ก 990 บาท (รวมค่ารถยนต์ อาหาร และของว่าง)

หมายเหตุ มีเที่ยวรถประมาณ เดือนมิถุนายน – สิงหาคมของทุกปี

ติดต่อสอบถาม สายด่วนการรถไฟแห่งประเทศไทย

โทรศัพท์ 0 2220 4567, 0 2223 0341, 0 2223 4444 หรือ 1690